Here is another healthy food idea I have made last weekend and it came out delicious ...Yummy and goes great with a salad. Lots of fiber and protein, which makes it perfect for fatloss and baby spinach—rich in vitamins A and C and folic acid, which can help lower your blood pressure and reduce inflammation.
Ingredients 2 cups (2 ounces) baby spinach 1/4 cup finely chopped onion 1 teaspoons olive oil, divided 1 teaspoon minced garlic 1/3 cup chopped bell-pepper 1 tablespoon water 1/4 cup (1 ounce) pepper jack cheese 4 skinless-boneless chicken breast halves, trimmed and pounded thin into cutlets 8 sliced bacon Directions 1.Preheat the oven to 375 degrees F (190 degrees C). 2. PLACE the spinach in a large nonstick skillet with the washing water clinging to the leaves or a tablespoon or two of water if dried. Cover and cook for 2 minutes, tossing occasionally, or until wilted. Drain and press firmly with the back of a spoon or squeeze to remove excess moisture. There should be 1/2 cup spinach. Wipe out the skillet. 3. MEANWHILE, in a medium nonstick skillet, combine the onion, 1 teaspoon oil, garlic, bell-pepper , and 1 tablespoon water. Turn the heat to medium. Cook for about 2 minutes, or until the onion sizzles. Reduce the heat to low. Cover and cook, stirring once, for about 3 minutes, or until softened. In a small bowl, combine the onion mixture, cheese, and spinach. Stir to mix. Set aside. 4.Lay the chicken breasts out on a clean surface, and spoon some of the spinach mixture onto each one. Roll up chicken to enclose the spinach, then wrap each chicken breast with two slices of bacon. Secure with toothpicks, and arrange in a shallow baking dish. 5.Bake uncovered for 35 minutes in the preheated oven, then increase heat to 500 degrees F (260 degrees C), or use the oven's broiler to cook for an additional 5 to 10 minutes to brown the bacon.
0 Comments
Had many people ask me about food I've made.Here is my favorite cookies ever because it so yummy Make 24 cookies but I did 12 for big one.
We have been discussing aerobic vs. anaerobic a lot lately with people.
The science clearly shows high intensity - shorter workouts are best for fat loss purposes. Know this: DOING MORE AND MORE AEROBIC ACTIVITY WILL NOT HELP YOUR LONGTERM FAT LOSS GOALS. Here is something to think about... This is the endurance swimming record holder, Penny Palfrey: she swam 40 hours and set the world record for the longest solo swim. She swam 68 miles across the Cayman Islands!! It is hard to imagine anyone more "AEROBICALLY FIT" than her. Well, if aerobics were REALLY the best exercise for fat loss, wouldn't she be leaner than her sprinting counterparts, who must avoid doing aerobic/endurance training because of the specific needs of their specific sporting event?? Well, below are the medal winners and record holders for 50 and 100 meter sprints- Natalie Coughlin and Dara Torres. Obviously, they are all fit people. But, one form of training is superior for fat loss. Just another thing to think about next time you guys want to swim for your homework. หวานเป็นลมขมเป็นยา นั่นคือวลีที่เราเคยได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กๆ จริงอยู่ค่ะที่กินหวานมากๆนั้นไม่ดีต่อสุขภาพแต่เรามีอาหาร 6 อย่างที่เป็นของหวานแถมยังมีคุณต่อร่างกายของเราอีกด้วยค่ะนั่นคือ
1.น้ำผึ้ง โดยเฉพาะที่มาจากดอก มานูกา "Manuka" จะมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อโรค แต่น้ำผึ้งจากธรรมชาติทั่วๆไปก็มีคุณสมบัตินี้เช่นกันนะคะแต่ขอให้เป็นน้ำผึ้งแท้เท่านั้นเอง 2.ไซลิทอล สารสกัดทดแทนความหวานที่ช่วยฆ่าเชื้อในช่องปากและฟัน เราจะเห็นกันอยู่เนืองๆในรูปของหมากฝรั่งและลูกอมดับกลิ่นปากค่ะ แต่การบริโภคบ่อยๆก็จะทำให้ปากติดรสหวานได้เหมือนกัน 3.โยเกิร์ต เป็นอาหารจากธรรมชาติที่มีการหมักจนน้ำตาลนมเปลี่ยนอณูย่อยลงและมีรสหวานประแล่ม การกินโยเกิร์ตแบบธรรมชาติที่ไม่ผสมน้ำตาลหรือแยมต่างๆนั่นยังเป็นความหวานที่ปลอดภัยอยู่และควรบริโภคแค่หนึ่งถ้วยเล็กที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปก็พอแล้วหล่ะค่ะ 4.ข้าวหมาก อาหารไทยนี่แหละค่ะ คือข้าวเหนียวสุกที่หมักกับแป้งลูกหมากหรือยีสต์จนได้ที่ ออกมามีรสชาดอร่อย แถมยังมีโปรไบโอติกช่วยไล่เชื้อที่ไม่ดีมนลำไส้ และได้ไวตามิน B12 จากยีสต์ที่ใช้หมักอีกด้วย 5.หญ้าหวาน(Stevia) เป็นพืชที่ให้ความหวานแต่ไม่ให้พลังงาน และให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล10-15 เท่า นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากหญ้าหวานชื่อ Stevioside เป็นสารที่ให้ความหวาน200-300 เท่าของน้ำตาลแต่ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง คุณสมบัติของหญ้าหวานคือช่วยลดอาการอักเสบ ติดเชื้อ และเหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย 6.ชะเอม ส่วนที่ช่วยให้รสหวานคือราก คนจีนเรียกว่ากำเช่า มีสารสำคัญคือ Glycerrhicin ช่วยรักษาอาการติกเชื้อทางผิวหนังหรือกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการตับอักเสบและช่วยทุเลาอาการแพ้ต่างๆอีกด้วย จะเห็นว่าหกอาหารที่กล่าวมาเป็นหวานที่ดี หรือหวานประหารสามารถกินเป็นยาได้ แต่ก็นั่นแหละคะ จะกินอะไรก็ต้องกินแต่พอดี พอเพียงการกินมากไปจากดีจะคุณจะกลายเป็นโทษได้ เอาว่าขอให้มีความสุขกับการกิน(หวาน)ที่มีประโยชน์กันนะคะ One of this mornings members asked about about healthy snacks.
One healthy and satisfying snack is a handful or a mixture of nuts such as almonds, walnuts, macadamias and cashews with some dried fruits like raisins or blueberries. "Oh, but raisins are high in sugar! And nuts are high in fat!," is a response someone is likely going to respond with. Don't worry.. You are getting quality nutrients and calories supplying your body with good fats, protein, fiber, magnesium, selenium, a ton of anti-oxidants and much more. Furthermore, a new study presented by the American Diabetes Association has shown raisins actually LOWER post meal glucose levels by 16%! So this nuts and raisin mix is an ideal little snack to keep your blood sugar levels stable, insulin production low, energy levels high and your stomach satisfied! Give it a try and let us know what you think. การออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ,Interval หรือ เวทเทรนนิ่ง แบบไหนจะสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่ากั1/3/2013 ![]() การออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ,Interval หรือ เวทเทรนนิ่ง แบบไหนจะสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่ากัน?BY FLASHFITNESSBKK JANUARY 4, 2013 BANGKOK CARDIO EXERCISE FATLOSS FITNESS GYM SLIMMING WEIGHT TRAINING WEIGHTLOSS ทุกวันนี้การลดความอ้วนเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของคนส่วนมาก แม้กระทั่ง Snoopy !เมื่อกล่าวถึงการลดน้ำหนัก ทุกคนก็อยากหาวิธีที่สามารถลดได้เร็วและมากที่สุดใช่ไหมคะ แต่จะเป็นวิธีไหนดีล่ะ วิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า หรือว่าวิ่งขึ้นเขา หรืออาจจะเป็น Squats และ bench press ดีกันแน่ วันนี้เราจะมาดูกันว่าการออกกำลังกายทั้งสามอย่างมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง สำหรับหัวข้อที่เราจะพูดถึงกันวันนี้มีสามอย่างดังนี้ คาร์ดิโอ คือการออกกำลังกายทั้งหลายที่ไม่หนักและสามารถทำได้เป็นเวลานานๆเพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ อย่างเช่น คลาสแอโรบิก ,การวิ่งจ็อกกิ้งระยะยาว, วิ่งหนึ่งชั่วโมงบนลู่วิ่งไฟฟ้า หรือเดินบน 20 นาที eliptical เป็นต้น Interval training เป็นการออกกำลังที่มีความแปรปรวน ของ ความเร็วและความหนักหน่วงตลอดเวลา เช่น การวิ่งเร็ว(Sprinting) 30 วินาที และตามด้วย จ็อกกิ้ง 90 วินาที แล้วทำซ้ำ แบบนี้ 20-30 นาที Weight Training คือการยกน้ำหนักหรือ ออกกำลังแบบ Body weight exercise แต่ก่อนที่เราจะมาสรุปกันว่าการออกกำลังการแบบไหนที่ดีและเหมาะกับเรา มีสิ่งหนึ่งที่จากการศึกษาค้นคว้า(แน่นอนค่ะ ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ)ว่ามีผลอย่างมากถึงมากที่สุดกับการลดความอ้วนคืออาหาร อย่างที่เราได้ยินเสมอว่าYou are what you eatนั่นเอง เรากินอะไรเข้าไปเท่าไหร่เราก็จะเป็นแบบนั้น อาหารมีผลต่อการลดความอ้วน 80-90%เลยหล่ะค่ะ จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับอาหารการกินของคุณด้วย ถ้าคุณใช้เวลาในการออกกำลังสัปดาห์ละ10ชั่วโมง แต่ยังใช้อีก168 ชั่วโมงที่เหลือไปกับการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อการร่างกายของคุณ ก็เท่ากับว่าคุณเสียเวลาไปโดยปล่าวประโยชน์ ถ้าคุณอยากประสบผลสำเร็จในการลดความอ้วนหรือมีรูปร่างอย่างที่คุณต้องการแล้วละก็คุณจะต้องควบคุมการกินของคุณให้ได้เสียก่อน พยายามตัดใจอาหารขยะ ไม่ดื่มน้ำอัดลม และเริ่มกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ไร้มันดีกว่า. โอเคค่ะตอนนี้เรารู้กันแล้วว่าอาหารมีความสำคัญกับการลดน้ำหนักแค่ไหนแล้วใช่ไหมคะ เมื่อเรากินอย่างถูกต้องแล้วเราหันมาดูกันว่าเราจะสลายไขมันออกไปจากร่างกายของเราด้วยวิธีการไหนกันดี คาร์ดิโอ(Cardio)เมื่อเราพูดถึงการเผาผลาญแคลอรี่คาร์ดิโอ เป็นการออกกำลังกายขั้นพื้นอย่างแรกที่คนส่วนมากนึกถึงและนำมาใช้ ถ้าเราพูดกันในเชิงวิทยาศาสตร์ ถ้าคุณใช้พลังงานมากกว่าพลังงานที่รับเข้าไปในแต่ละวันน้ำหนักของคุณก็จะลดลง เพราะฉะนั้นคุณก็จะก้าวขึ้นไปบนลู่วิ่งไฟฟ้า แล้วก็ใช้เวลาวิ่งไปหนึ่ง 5 กิโลเมตร คุณจะเผาผลาญไปประมาณ300แคลอรี่ การออกกำลังกายแบบนี้ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ หรือ ความรู้ความสามารถมากมายในการออกกำลังกาย สิ่งที่คุณต้องการคือแค่รองเท้าวิ่งหรือ Vibramsหนึ่งคู่ แล้วก็ขาของคุณแค่นั้นเอง นี่เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังถึงเลือกที่จะวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าหรือเดินบนเครื่อง eliptical เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก็เพราะว่ามันง่ายและไม่ต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากเลยสักนิดเดียว แต่รู้ไหมคะว่านั่นเป็นการใช้เวลาไปโดยแทบจะเรียกได้ว่าปล่าวประโยชน์และไม่สมเหตุสมผลเลย.ทำไมเหรอคะ และนี่คือความคิดเห็นส่วนตัวของริต้าค่ะ ริต้าคิดว่าการออกไปวิ่งข้างนอก(ในสวนสาธารณะใกล้ๆบ้านหรือที่ทำงาน) มีประโยชน์มากกว่าการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าเสียอีก นอกจากไม่น่าเบื่อแล้ว เรายังได้สูดอากาศดีๆ ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของธรรมชาติอีกด้วย เหตุผลอีกอย่างหนึ่งสำหรับการออกกำลังด้วยวิธีคาร์ดิโอนี้ไม่ได้เป็นวิธีการที่ฝึกให้หัวใจของคุณเตรียมพร้อมกับความเครียดหรือเรื่องตื่นเต้นเร้าใจต่างๆ เพราะการออกกำลังแบบนี้ใช้ความแรงและความเร็วคงที่สม่ำเสมอไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายแต่อย่างใดนัก ในเมื่อการออกกำลังแบบคาร์ดิโอเป็นวิธีที่ช่วยเผาผลาญพลังงานแต่ทำไมมันถึงไม่เวิร์คหล่ะ? ก็เพราะว่าการออกกำลังแบบนี้เป็นการออกกำลังแบบEPOC(Exercise Post Oxygen Consumtion)ก็จริงแต่เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณจะเผาผลาญในตอนที่คุณวิ่งแต่หลังจากนั้นไม่นานก็จะหยุดลงหลังจากที่คุณหยุดวิ่งหรือออกกำลังแบบนี้ อะไรคือข้อดีของการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ? ข้อดีของการออกออกกำลังแบบคาร์ดิโอ นอกจากจะช่วยให้ลดน้ำหนักด้วยวิธีง่ายๆแล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อยมาก ดังนั้นคุณสามารถออกกำลังแบบนี้ได้เป็นเวลานานเป็นชั่วโมงๆ ทุกๆวัน โดยไม่เบื่อ คุณก็จะสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ทั้งวันแหละค่ะ High- Intensity Interval Training(HIT)เมื่อพูดถึงการเผาผลาญการออกกำลังแบบ high intensity interval จะให้ผลมากกว่าคาร์ดิโอ ทำไมเหรอคะ ก็เพราะ EPOC ที่เราพูดไปข้างต้นยังไงคะ การออกกำลังแบบ HIT-High Intensity interval Trainingเป็นการฝึกที่ความหนักสูง สลับกับการพักระยะสั้นๆ จะทำให้ร่างกายของคุณมีอัตราการเผาผลาญสูง และนอกจากนั้นยังเผาผลาญต่อเนื่องไปนานหลายชั่วโมงเลยหล่ะค่ะ หมายความว่ายังไงเหรอคะ ก็หมายความว่าหลังจากที่คุณออกกำลังแบบนี้เสร็จแล้วคุณก็สามารถไปดูหนัง ฟังเพลง หรือนอนดูซี่รี่ส์เกาหลีได้อย่างสบายอารมณ์โดยที่ร่างกายของคุณยังมีการเผาผลาญไขมันอยู่ตลอดเวลาหน่ะสิคะ.แล้วอย่างนั้นมันจะได้ผลยังไงหล่ะHITจะไป กระตุ้นการทำงานของหัวใจคุณเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการออกกำลังตลอดเวลายังไงละคะ เช่น จ็อกกิ้ง , วิ่งเร็ว,จ็อกกิ้ง,วิ่งเร็ว, วิ่งขึ้นเขา,วิ่งลงเขา เป็นต้น การทำแบบนี้จะทำให้หัวใจของคุณถูกกระตุ้นอยู่ตลอดเวลาและทำให้ร่างกายมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเช่นกัน จากตัวอย่างที่ยกมาจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการออกกำลังโดยเฉพาะการวิ่งเร็ว(Sprint) จะทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายคุณสูงขึ้นไปมากและยังเผาผลาญต่อเนื่องไปอีกหลายชั่วโมงหลังจากที่ออกกำลังเสร็จแล้วอีกด้วยค่ะ. จากวิจัยของมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลล์ โดยปฎิบัติตาม Fitness and body composition change โดยใช้กลุ่มตัวอย่างจากผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวเกิน 45 คน เป็นเวลา 15 สัปดาห์ แบ่งผู้หญิงเหล่านี้ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกให้ปั่นจักรายานInterval ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งให้ปั่นจักรยานแบบปกติเป็นเวลา โดยกลุ่มที่สองออกกำลังแบบ interval sprint ให้ปั่นเป็นเวลา 20 นาที โดยให้ปั่นแบบ all out 8 วินาที และ ปั่นแบบเบาๆ12 วินาที ส่วนกลุ่มที่ปั่นจักรยานแบบคลาสปกติใช้เวลา 40 นาทีในการออกกำลังทุกครั้ง หลังจากการทดลองจบลงผู้หญิงกลุ่มที่ออกกำลังแบบ Interval สามารถลดไขมันในร่างกายลงได้ถึงสามเท่าของผู้หญิงกลุ่มที่ออกกำลังแบบปกติ(และที่สำคัญคือปริมาณไขมันที่ลดไปของกลุ่มที่ออกกำลังแบบ Interval นั่นหน่ะคือที่บริเวณก้นและขา) ใช้เวลาแค่ครึ่งเดียวแถมลดปริมาณไขมันได้มากกว่าถึงสามเท่า น่าสนใจมากเลยใช่ไหมคะ? ส่วนข้อเสียของการออกกำลังแบบ HIT หน่ะเหรอคะ มีแน่นอนค่ะ นั่นก็คือร่างกายต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูสู่สภาพปกติ และ เราจะสามารถออกกำลังได้แค่ 20-3- นาทีเท่านั้นเอง ทำไมหน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าร่างกายของคุณจะเหนื่อยหอบจนไม่สามารถทำต่อได้หลังจากนั้นยังไงหล่ะคะ แล้วมีอย่างอื่นอีกไหม มีอีกข้อนึงก็คือร่างกายของคุณจะรู้สึกเกลียดคุณหลังจาก20 นาทีนั่นยังไงคะWeight Trainingถ้าการออกกำลังแบบ cardio เผาลาญแคลอรี่ในขณะที่คุณออกกำลัง และ high intensity interval training มีผลในการเผาผลาญทั้งในระหว่างและหลังการออกกำลังเสร็จแล้ว แล้ว weight training หล่ะมีประโยชน์อย่างไร? Alwyn Cosgrove ; นักเขียน แะผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Fitness ได้บรรยายไว้ใน Hierarchy of Weight Loss ซึ่งรวบรวมการศึกษาค้นคว้าที่สำคัญๆมากมาย เกี่ยวกับ การออกกำลังกายแบบ weight training และ cardio กับการลดน้ำหนัก และนี่คือส่วนหนึ่งที่อยู่ในหัวข้อนี้ ” แบ่งกลุ่มของผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานเป็นสามกลุ่ม คือ กลุ่มที่ควบคุมอาหารอย่างเดียว, กลุ่มที่ควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังแบบแอโรบิกและกลุ่มที่ควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังแบบแอโรบิกพร้อมทั้งมีการเล่นเวทควบคู่ไปด้วย พบว่า 1.กลุ่มที่ควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียวลดไขมันไปได้ 14.6 ปอนด์ใน 12 สัปดาห์ 2.กลุ่มที่ควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังแบบแอโรบิค ลดไป 15.6 ปอนด์( ออกกำลัง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และทำครั้งละ 30-50 นาที เป็นเวลากว่า 12 สัปดาห์) 3. กลุ่มที่ควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังแบบแอโรบิคพร้อมทั้งเล่นเวท ลดไป 21.1 ปอนด์( มากกว่า44% และ 35% ของการควบคุมอาหารและการออกกำลังแบบแอโรบิค) จะเห็นได้ว่าการออกกกำลังแบบแอโรบิคซึ่งใช้เวลาแต่ละครั้งประมาณ 50 นาทีและต้องทำถึง 36 ครั้งใน12 สัปดาห์นั้นแทบจะไม่ได้ให้ผลที่แตกต่างอะไรจากการควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียวเลย ในขณะที่การออกกำลังแบบ weight training นั้นให้ผลต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน! จะเห็นว่าสิ่งที่สำคัญในการลดความอ้วนก็คือเรื่องโภชนาการของเรา ส่วนการออกกำลังแบบแอโรบิคนั้นช่วยได้ แต่แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และการเพิ่มการออกกำลังแบบ weight training เข้าไปจะช่วยทำให้การลดความอ้วนได้ผลมากยิ่งขึ้น แต่วิธีการออกกำลังที่เราจะเลือกเพื่อให้ได้ผลท่ีเร็วขึ้นและทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงมากขึ้นคืออะไรหล่ะคะ ตามวิธีการออกกำลังของ Alwyn จะเน้นการออกกำลังที่ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย(squats, lunges, kettlebell swings, squat thrusts, burpees, inverted rows, pull ups, and push ups). ลองใช้Circuit นี้ออกกำลังแบบต่อเนื่องโดยให้ทำ 8-12 ครั้งต่อการออกกำลังกายแต่ละอย่าง คุณจะรู้สึกได้เลยหล่ะค่ะว่าเป็น super workout แถมร่างกายของคุณจะสร้างกล้ามเนื้อมากขึ้นและนอกจากนั้นยังมีการเผาผลาญต่อเนื่องไปได้มากถึง 38 ชั่วโมงหลังจากการออกกำลังเสร็จ มาถึงขั้นตอนของการตัดสินใจเลือกวิธีการออกกำลังกันแล้วหล่ะค่ะ จากบทความที่เราได้พูดถึงการออกกำลังทั้งสามแบบ การตัดสินใจเลือกการออกำลังแต่ละอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้วหล่ะค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีเวลามากน้อยแค่ไหน มีความแข็งแรง หรือ ชอบวิธีการออกกำลังแบบใด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของการลดความอ้วนคืออาหารนะคะอย่าลืม การกินอาหารจากธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง หรือปรุงแต่งน้อยที่สุด กินอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมและออกกำลัง ก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาพและรูปร่างที่ดีได้แล้วหล่ะค่ะ ส่วนอันนี้คือข้อสรุปง่ายๆจากผู้เขียนที่ให้คุณใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการออกกำลังนะคะ เลือก Cardio ถ้า : - คุณชอบวิ่ง , ชอบ Trade mill หรือ elliptical - คุณมีเวลาว่างเหลือเฟือ และไม่รู้จะทำอะไรดี - คุณเพิ่งเริ่มออกกำลังและไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน เลือก HIT ถ้า - คุณไม่ชอบยกเวท แต่อยากเผาผลาญแคลอรี่อย่างรวดเร็ว - เวลาของคุณมีจำกัด - คุณชอบที่จะ push ร่างกายของคุณไปให้ถึง limit เลือก Weight Training ถ้า - คุณต้องการสร้างกล้ามเนื้อในระหว่างที่ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ - คุณชอบที่จะให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ในขณะที่คุณนั่งอยู่ - คุณไม่กลัวการยกน้ำหนัก เลือกวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณหรือ ผสมผสานวิธีการออกกำลัง ไม่มีการออกกำลังวิธีไหนที่ให้ผลได้ 100%ค่ะ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าเราอยากออกกำลังด้วยวิธีใด แล้วดูผลที่ได้ ถ้ายังไม่เป็นที่พอใจก็เพิ่มวิธีการอื่นๆเข้าไป เช่น ถ้าคุณเป็นคนไม่ชอบยกน้ำหนัก ก็ลองเพิ่มเข้าไปทีละน้อย แบบสั้นๆสัก1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือถ้าคุณชอบยกน้ำหนัก ก็ลองเพิ่ม การออกกำลังแบบ Cardioเข้าไป ในวันที่คุณไม่ได้ยกน้ำหนักเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญให้มากขึ้น แต่อย่าลืมนะคะ อาหารการกินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด! ขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีต้อนรับปีใหม่ และมีความสุขกับการออกกำลังกายกันนะคะ |
Archives
March 2023
Categories
All
|